ประวัติการจัดสวน

ปัจจุบันสวนมีรูปแบบหลากหลายและมีความสวยงามต่างๆกันไปให้เราเลือกชื่นชมได้ตามรสนิยม แต่เบื้องหลังภาพสวนสวยๆที่เห็น หลายคนอาจจะเคยนึกสงสัยอยู่บ้างว่าสวนเหล่านี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

รูปแบบของสวนที่มีมาในประวัติศาสตร์โลกแยกการศึกษาออกได้สองส่วนใหญ่ๆ คือ สวนแบบตะวันตก และสวนแบบตะวันออกความแตกต่างของการไล่เรียงรูปแบบสวนจากสองซีกโลกนี้ก็คือ สวนแบบตะวันตกจะมีความต่อเนื่องเรียงกันมาตามยุคสมัยและเหตุการณ์แวดล้อมทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงจะเชื่อมโยงถึงกันเกือบทุกประเทศ เนื่องจากประเทศทางตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและเทคโนโลยีกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนสวนของประเทศทางตะวันออกจะมีความแตกต่างแยกกันไปตามพื้นฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกัน การเชื่อมโยงถ่ายทอดแนวคิดให้กันและกัน
ก็มีบ้างแต่ไม่ได้กระจายทั่วถึงกันหมด อย่างไรก็ดีแนวคิดและรูปแบบสวนจากทั้งทางตะวันตกและตะวันออกต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกันอยู่เสมอยากที่จะแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด

พวกเราชาวภูมิทัศน์

เธ›เธฃเธฐเธงเธฑเธ•เธดเธเธฒเธฃเธˆเธฑเธ”เธชเธงเธ™ (History of Landscaping)

อ้อมกะเพื่อน สาขานวัตกรรมภูมิทัศน์

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

สวนโรมัน

ในยุครุ่งเรืองชาวโรมันพัฒนางานศิลปะและวิทยาการต่างๆไปมาก รวมถึงความรู้ทางพฤกษศาสตร์ การก่อสร้างและการชลประทานซึ่งมีผลเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการของสวน เราแบ่งสวนโรมันได้เป็นสองแบบใหญ่ๆคือสวนในเมือง และสวนนอกเมือง สำหรับสวนในเมือง มีหลักฐานที่ชัดเจนจากการขุดค้นเมืองปอมเปอิ (Pompeii)ซึ่งถูกภูเขาไฟวิสุเวียส (Vesuvius) ถมทับไว้ พบว่าบ้านจะปิดล้อมด้วยกำแพง มีการเปิดหน้าต่างออกสู่ถนนน้อยมากเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวภายใน ในบ้านจะมีพื้นที่เปิดโล่งสำหรับสวน โดยมีทางเดินซึ่งมีแนวเสาขึ้นมารับหลังคาล้อมรอบเรียกสวนลักษณะนี้ว่า "เพอริสไตล์" (Peristyle garden) พื้นที่สวนจึงกลายเป็นส่วนที่ช่วยเปิดให้แสงสว่างเข้ามาถึงภายในอาคาร
และช่วยในเรื่องการถ่ายเทอากาศ สวนถูกจัดในลักษณะเป็นทางการ (Formal garden) คือมีแนวแกนสมมาตรแบ่งพื้นที่สวนออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน มักจะมีบ่อน้ำรูปทรงเรขาคณิตและรูปปั้นวางประดับ รวมถึงไม้ตัดแต่ง (Topiary) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสวนโรมัน ลักษณะที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือการวาดภาพสวนหรือทิวทัศน์ไว้บนผนังด้านในสุดของสวนเพื่อลวงตา
ให้สวนดูกว้างกว่าที่เป็นจริง

เมื่อในเมืองมีความแออัดมาก และเกิดโรคระบาดเป็นประจำ กลุ่มชนชั้นสูงจึงนิยมออกไปสร้างบ้านพักตากอากาศนอกเมืองหรือที่เรียกว่า "วิลล่า" (Villa) วิลล่ายุคแรกๆเน้นการออกไปใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์มหรือแปลงเกษตร ต่อมารูปแบบค่อยๆพัฒนาโดยเพิ่มเติมความสะดวกสบายอย่างชีวิตคนเมืองเข้าไปมากขึ้น และให้ความสำคัญกับความหรูหรา สวยงามเพื่อให้วิลล่าเป็นหน้าเป็นตาแสดงฐานะและรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ ที่ตั้งของวิลล่าจะอยู่ไม่ไกลจากเมืองสามารถเดินทางได้สะดวกมีทิวทัศน์สวยงามเพื่อช่วยในการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยอ่อนและตึงเครียด รวมทั้งช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจ
และความคิดสร้างสรรค์ สวนในวิลล่ายังคงความเป็นทางการซึ่งเป็นลักษณะเด่นของสวนโรมันไว้ องค์ประกอบต่างๆเน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตแสดงถึงอำนาจของมนุษย์ในการควบคุมสภาพแวดล้อม มีการประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกนานาชนิดซึ่งรวมถึงไม้ดอกหอม และไม้จากต่างแดน งานประติมากรรมต่างๆและไม้ตัดแต่งก็ยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่หายไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าวิลล่าจะตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่วิลล่าหลายแห่งก็ยังคงสร้างสวนที่มีอาคารล้อมรอบแบบสวนในเมือง
วิลล่าของจักรพรรดิเฮเดรียน (Hadrain) ในเมืองทิโวลี (Tivoli) แสดงให้เห็นว่ามีการปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่เป็นอย่างมาก สวนจะมีแนวแกนย่อยๆหลายแนวไม่เกี่ยวข้องกัน มีการตกแต่งด้วยงานศิลปะและพืชพรรณอันหลากหลาย ซึ่งรวมถึงของสะสมที่ได้มาจากดินแดนอื่นๆ แสดงถึงอำนาจของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ใช้งานประติมากรรมร่วมกับน้ำในรูปแบบต่างๆเช่น น้ำพุ คลอง สระน้ำ ฯลฯ เพื่อให้เกิดความหรูหราและบรรยากาศพิเศษยิ่งใหญ่เหนือกว่าสวนอื่นๆ
วิลล่าของจักรพรรดิเฮเดรียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตัวอย่างสวน

ปฏิทินอ้อม