ประวัติการจัดสวน

ปัจจุบันสวนมีรูปแบบหลากหลายและมีความสวยงามต่างๆกันไปให้เราเลือกชื่นชมได้ตามรสนิยม แต่เบื้องหลังภาพสวนสวยๆที่เห็น หลายคนอาจจะเคยนึกสงสัยอยู่บ้างว่าสวนเหล่านี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

รูปแบบของสวนที่มีมาในประวัติศาสตร์โลกแยกการศึกษาออกได้สองส่วนใหญ่ๆ คือ สวนแบบตะวันตก และสวนแบบตะวันออกความแตกต่างของการไล่เรียงรูปแบบสวนจากสองซีกโลกนี้ก็คือ สวนแบบตะวันตกจะมีความต่อเนื่องเรียงกันมาตามยุคสมัยและเหตุการณ์แวดล้อมทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงจะเชื่อมโยงถึงกันเกือบทุกประเทศ เนื่องจากประเทศทางตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและเทคโนโลยีกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนสวนของประเทศทางตะวันออกจะมีความแตกต่างแยกกันไปตามพื้นฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกัน การเชื่อมโยงถ่ายทอดแนวคิดให้กันและกัน
ก็มีบ้างแต่ไม่ได้กระจายทั่วถึงกันหมด อย่างไรก็ดีแนวคิดและรูปแบบสวนจากทั้งทางตะวันตกและตะวันออกต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกันอยู่เสมอยากที่จะแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด

พวกเราชาวภูมิทัศน์

เธ›เธฃเธฐเธงเธฑเธ•เธดเธเธฒเธฃเธˆเธฑเธ”เธชเธงเธ™ (History of Landscaping)

อ้อมกะเพื่อน สาขานวัตกรรมภูมิทัศน์

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แกลดิโอลัส


http://www.sopon.ac.th/sopon/lms/science52/Biology/www.usanee.rwb.ac.th/Biology/Unit01/02/05.html
<><><><>
<>
<><><><>



ชื่อไทย แกลดิโอลัส ชื่อสามัญ
ชื่อสามัญ (Common name) Gladiolus
ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name) ) Gladiolus hybrida ชื่อ
ชื่อวงศ์ (Family) ) Iridaceae
ถิ่นกำเนิด (Native) แอฟริกาใต้
แกลดิโอลัสจัดเป็นพืชหัว (Corm) เมื่อปลูกแล้วจะเกิดหัวใหม่ขึ้นแทนหัวเก่า สามารถใช้ขยายพันธุ์ ได้ต่อไป และยังมีหัวย่อยเกิดขึ้นอีกมากมาย ปัจจุบันนี้มีการผลิตหัวย่อยได้ผลดีที่ภาคเหนือ ชนิดของแกลดิโอลัส ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และได้มีการนำมาใช้เป็นหลักในการพัฒนาการผลิต พันธุ์แกลดิโอลัสพันธุ์ใหม่ ๆ คือ

1. แกลดิโอลัส แกรนดิฟลอรัส (Gladiolus grandiflorus) เป็นชนิดต้นใหญ่ ช่อดอกอวบยาว และ แข็งแรง ดอกใหญ่เรียงชิดกัน ช่อดอกหนึ่ง ๆ อาจมีดอกถึง 20 ดอก และดอกบานพร้อมกันประมาณ 5-7 ดอก
2. แกลดิโอลัส พรายมูลินัส (Gladiolus primulinus) เป็นชนิดต้นเล็ก ช่อดอกเล็กยาวเรียว ดอกเล็กเรียงห่างกัน จำนวนดอกในช่อน้อย มีลักษณะพิเศษคือ กลีบบนชั้นในงุ้มงอปรกเกสร
3. แกลดิโอลัส ทูเบอเจนนิอาย (Gladiolus tubergenii) เป็นชนิดที่ต้นและดอกเล็ก แต่ดอกใน ช่อเรียงชิดกัน ใช้ในการผสมเพื่อผลิตแกลดิโอลัสพันธุ์ดอกจิ๋ว
4. แกลดิโอลัส โควิลลีอาย (Gladiolus covillei) เป็นลูกผสมระหว่างแกลดิโอลัส คาร์ดินาลิส (Gladiolus cardinalis) ซึ่งเป็นชนิดที่มีต้นสูงใหญ่ ดอกสีแดง กับแกลดิโอลัส ทริสติส (Gladiolus tristis) ซึ่งเป็นชนิด
5. แกลดิโอลัส นานุส (Gladiolus nanus) เป็นประเภทหนึ่งของพันธุ์โควิลลีอายที่ต้นมีขนาดเล็ก ช่อดอกเล็กเรียวยาว ขนาดดอกเล็กบอบบาง มีสองสีในแต่ละกลีบจำนวนดอกในช่อน้อยและ ดอกจะบานพร้อมกันคราวหนึ่งเพียง 1-2 ดอก ในแต่ละช่อ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
แกลดิโอลัส มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gladiolus hybrid อยู่ในตระกูล
ราก จะสามารถสร้างหัวใหม่ และมีรากเกิดบนหัวใหม่ ( contractile root ) ที่ปลายรากนี้ก็จะเกิดหัวเล็กๆ ( cormel )
ลำต้น เป็นลำต้นเทียม ( pseudostem ) มีลักษณะค่อนข้างแบนเกิดจากกาบใบและโคนใบอยู่รวมกัน ส่วนลำต้นที่แท้จริงคือ หัว
ใบ มีลักษณะยาวเรียวคล้ายดาบ เส้นใบขนานกันตามความยาวของใบ จึงได้ชื่อว่า Gladiolus ซึ่งมีความหมายว่า “ ดาบ “
ดอก ออกดอกเป็นช่อชนิดสไปค์ แต่ละดอกมีรูปร่างแบบกรวย คล้ายดอกกล้วยไม้ หรือรูปสามเหลี่ยมหรือกลีบดอกอาจจะม้วนคล้ายดอกกุหลาบ
หัว ( corm ) เป็นลำต้นใต้ดินที่ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร ต้นอ่อนจะงอกจากตาที่หัว เมื่อเจริญเติบโตขึ้นจะสร้างหัวเล็กๆ สำหรับการขยายพันธุ์ได้



ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
แกลดิโอลัสหรือซ่อนกลิ่นฝรั่ง เป็นไม้ตัดดอกที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันมีสีสันสะดุดตา เช่น สีขาว เหลือง ชมพู แดง ม่วง ส้ม มีช่อดอกยาว เหมาะสำหรับปลูกเพื่อตัดดอกเป็นการค้า เพราะสามารถตัดช่อดอกได้ตั้งแต่ดอกยังไม่บาน

พันธุ์ดอกแกดิโอลัส
แกลดิโอลัสมีมากกว่า 150 ชนิด มีทั้งกลิ่นหอมและไม่มีกลิ่น ปัจจุบันมีพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้า เกือบ 3,000 พันธุ์ สำหรับพันธุ์ที่ปลูกในประเทศไทยไม่แน่นอน เพราะได้มีการสั่งพันธุ์ แกลดิโอลัสใหม่ ๆ เข้ามาปลูกอยู่เสมอ เพราะต้องการให้ตรงกับความนิยมของผู้ใช้ และคุณภาพ ของพันธุ์ที่ได้จากการเก็บหัวพันธุ์มาปลูกจะลดลง
พันธุ์ที่แนะนำให้ปลูกเป็นไม้ตัดดอก
พันธุ์ดอกกลางและดอกใหญ่
1. Peerless ดอกมีสีแดงสดสม่ำเสมอทั่วทั้งกลีบโดยไม่มีสีอื่นเจือปน กลีบดอกหนาแข็ง เปิดกว้างขอบกลีบเป็นคลื่นเล็กน้อย ช่วงช่อยาว 75-80 ซม. ดอกในช่อมีประมาณ 20-25 ดอก บานเรียงสลับฟันปลาเกยก่ายซ้อนกันในคราวเดียว 5-6 ดอก ทนร้อนได้ดี แต่หากออกดอกช่วง ฝนตกจะทำให้ดอกช้ำได้ จึงทำให้เหมาะสำหรับปลูกไม้ตัดดอก
2. Aztec Gold ดอกมีสีเหลืองอ่อน ในคอดอกจะมีสีเหลืองเข้มกว่าส่วนของกลีบดอกเล็กน้อย ดอกบานกว้าง กลีบบนงุ้มคลุมเกสร กลีบล่างโค้งงอม้วนไปด้านหลังจรดก้านดอก กลีบดอกหนา แข็ง ขอบกลีบเป็นคลื่นเล็กน้อย ปลายกลีบนอกบนหยัก ทนร้อนได้ดีพอสมควร ช่อดอกยาว มี 16-18 ดอกต่อช่อ และบานพร้อมกัน 5-6 ดอก ใช้เป็นไม้ตัดดอกได้ดีเช่นกัน
3. Precision ดอกมีสีกุหลาบม่วงแดง คอสีครีมแต้มเป็นปื้น เส้นกลางกลีบขาวจากโคลนมาถึง ปลายกลีบ ขอบกลีบเป็นคลื่นเล็กน้อย อับเกสรมีสีม่วงแดง ช่อดอกยาว 125-130 ซม. ช่วงช่อดอก ยาว 60 ซม. ดอกในช่อมีประมาณ 18-20 ดอก บานพร้อมกัน 6-7 ดอก ความสม่ำเสมอของช่อดอก ดีมาก ตั้งตรง แข็งแรงใช้ทำไม้ตัดดอกได้ดี
4. Sentry สีแดงสดใส ในคอกลีบสีแสดมีเส้นสีขาวแซมจากกลางถึงปลายกลีบทำให้สีกลีบดู เด่นขึ้น เกสรสีม่วง ปลายกลีบมน ขอบกลีบเป็นคลื่นเล็กน้อย ช่อดอกอวบแต่แข็งแรง สูงประมาณ 130-140 ซม. ช่วงช่อ 60-65 ซม. จำนวนดอกในช่อ 19-20 ดอกและบานพร้อมกัน 6-7 ดอก ปลูกเลี้ยงง่าย ต้นสม่ำเสมอดีมาก ไม่มีปัญหาด้านโรค เหมาะสำหรับปลูกตัดดอก
5. Shilo เป็นไม้สามสีขนาดกลางที่น่าสนใจ กลีบสีเหลืองส่วนบนสีครีม ปากสีแดงสด กลีบหนา ผิวแข็งมันคล้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้ง ช่อดอกตั้งตรงแข็งแรงและสม่ำเสมอ ดอกในช่อ 20-22 ดอก บานพร้อมกัน 7-8 ดอก ขยายพันธุ์ได้เร็วพอสมควร น่าใช้เป็นไม้ตัดดอก
6. Vega ดอกสีขาวสวยงามมากชนิดหนึ่ง กลีบดอกเปิดกว้าง กลีบหนา ขอบกลีบเป็นคลื่นสวย ต้นใหญ่แข็งแรง จำนวนดอกในช่อ 24-26 ดอกบานพร้อมกัน 7-8 ดอก ขยายพันธุ์ได้เร็ว ปลูกเป็น ไม้ตัดดอกได้ดีทั้งในฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว
พันธุ์ดอกเล็กและดอกจิ๋ว
1. Ajax มีดอกสีขาว คอดอกสีเขียวอ่อน กลีบดอกเปิดกว้างขอบเป็นคลื่นปานกลางพอเหมาะ กับขนาดของช่อดอก ช่อดอกเรียวงาม มีดอก 16-18 ดอก บานเรียงพร้อมกัน 5-6 ดอก ช่วงช่อ 50-55 ซม. บานทนเมื่อใช้จัดแจกัน
2. Candice มีดอกสีแดงปนส้ม ปากสีแสดปนแดงเข้ม กลีบดอกเปิดกว้าง ปลายกลีบแหลม และม้วนงอไปด้านหลัง ช่อดอกเรียวเล็ก แต่ตั้งตรง แข็งแรงมาก ดอกในแต่ละช่อ 18-20 ดอก บานพร้อมกัน 6-7 ดอก บนช่วงช่อที่ยาว 40-45 ซม. การเรียงของดอกจัดสลับฟันปลาเป็นระเบียบ ดีมาก เหมาะสำหรับใช้เป็นไม้ตัดดอก
3. Firestorm จัดเป็นแกลดิโอลัสพันธุ์จิ๋วที่มีสีแดงเสมอทุกกลีบ กลีบดอกเมื่อบานเต็มที่จะโค้งไป ด้านหลังเล็กน้อย ส่วนกลีบในจะมีสีนูนวิ่งจากกลางถึงปลายกลีบ และกลีบจะงุ้มมาข้างหน้า ปลายกลีบแหลม ขอบกลีบเรียบต้นสูงประมาณ 90 ซม. ช่วงช่อ 40-45 ซม. ดอกในช่อ 18-20 ดอก และจะบานพร้อมกัน 6-7 ดอก การเรียงของดอกเป็นระเบียบดีใช้จัดแจกันเล็กได้งดงาม
4. Gigi ดอกสีชมพูเข้มในคอขาว ดูสดใส ขอบกลีบเป็นคลื่นพองาม ช่อดอกเรียวสวย ช่วงช่อ 50-55 ซม. ดอกในช่อ 18-20 ดอก บานพร้อมกัน 6-7 ดอก เป็นไม้ที่เหมาะสมสำหรับปลูกตัดดอก
5. Krystal เป็นไม้สีแดง กลีบเป็นคลื่น ช่อดอกสวย ก้านแข็งแรง ใช้เป็นไม้ตัดดอกได้ดี
6. Small Wonder ดอกสีชมพูอ่อน ในคอสีครีม ขอบเป็นคลื่น ดอกเปิดกว้าง ช่อดอกเรียวสวย ดอกในช่อ 18-20 ดอก บานพร้อมกัน 5-6 ดอก เป็นไม้จิ๋วสำหรับปักแจกันได้เหมาะสมมาก การขยายพันธุ์ เช่น การเพาะเมล็ด การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ใช้หัว และหัวย่อย แต่โดยปกตินิยม


ขยายพันธุ์โดยใช้หัวและหัวย่อย
หัว คือ ส่วนของลำตันที่โป่งพองอยู่ใต้ดิน ห่อหุ้มด้วยกาบใบที่ตายแล้ว หลังจากเก็บเกี่ยวหัวแล้วไม่สามารถนำหัวไปปลูกได้เลย เพราะแกลดิโอลัสจะมีช่วงพักตัวซึ่งจะกินเวลา 2-3 เดือน แล้วแต่พันธุ์ หัวพันธุ์ที่พ้นระยะพักตัวและสามารถนำไปปลูกได้สังเกตได้จากตาบนหัวจะแหลม และโป่งพองออกพร้อมที่จะงอก ที่ฐานของหัวจะมีปุ่มรากเกิดขึ้นเมื่อนำไปปลูกตาบนหัวจะเจริญ เป็นต้น ซึ่งประกอบด้วยกาบใบ
การแทงช่อดอกของแกลดิโอลัส จะเริ่มเมื่อแกลดิโอลัสมีใบ 3-7 ใบ ซึ่งช่วงนี้ต้องมีการให้น้ำ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วงที่มีการแทงช่อดอกนี้หัวเก่าจะเริ่มฝ่อไป และมีการเริ่มสร้างหัวใหม่บริเวณ โคนต้นที่อยู่ชิดกับหัว ก็จะเริ่มสะสมอาหารและพองออกส่วนที่พองออกนี้จะเจริญเป็นหัวใหม่ ต่อไป บริเวณรอยต่อระหว่างหัวเก่ากับหัวใหม่นี้ยังเป็นที่สร้าง Stolonที่ปลาย Stolon จะสร้างหัว ขนาดเล็กเรียกว่า หัวย่อย (Cormel) และบริเวณรอยต่อนี้ยังสร้างรากสะสมอาหาร (Contractile Root) หลังจากตัดดอกประมาณ 2 เดือน หัวใหม่และหัวย่อยก็จะเจริญเต็มที่ควรงดการให้น้ำสัก 7-10 วัน ใบจะแห้งหัวเก่าจะฝ่อไป แล้วจึงขุดหัวและหัวย่อยเพื่อใช้ปลูกในฤดูกาลต่อไป ปัจจุบันมีการนำสารเคมีมาทำลายระยะพักตัวของหัวแกลดิโอลัส เพื่อปลูกในรุ่นต่อไปได้เร็วขึ้น เช่น
1. การรมด้วยสารเอธิลีน คลอโรไฮดริน อัตรา 0.5-4 ซี.ซี. ต่อน้ำ 1 ลิตร ในภาชนะปิดเป็นเวลา 2 วัน จะทำให้ย่นระยะการพักตัว และยังเพิ่มเปอร์เซนต์การงอกด้วย
2. แช่แกลดิโอลัสในแอลกอฮอล์ 1 ชั่วโมง จะเพิ่มเปอร์เซ็นต์การงอกและป้องกันโรคได้ มีผลทำให้ใบเล็กลง โตช้าแต่ต้นแข็งแรง
3. การรมด้วยเอธิลีน อีเธอร์ ในอัตรา 1 ซีซี. ต่อน้ำ 2 ลิตร ในภาชนะปิด

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไม้ประดับนามมงคล ว่านมหาลาภ

ว่านมหาลาภ                                 http://www.panmai.com/Warn/Warn_AMARYL_06.shtml

ชื่อวิทยาศาสตร์

Phaedranassa spp.

วงศ์

AMAPYLLIDACAE

ชื่อสามัญ

-

ชื่ออื่นๆ

ว่านหงสาวดี

ลักษณะทั่วไป


ว่านมหาลาภมีลักษณะต้นเหมือนว่านมหาโชค คือลำต้นเป็นหัวใต้ดิน หัวเหมือนหอมหัวใหญ่แต่มีขนาดเล็กกว่า ใบรูปใบพาย แต่ค่อนข้างสั้นและป้อม ปลายใบโค้งมนแหลม โคนใบค่อยๆ สอบเข้าหาก้านใบ พื้นใบเรียบสีเขียวเป็นมัน ก้านใบจะยาวกว่าใบเล็กน้อย ก้านดอกพุ่งตรงขึ้นมาจากกลางลำต้นสูงประมาณ 30-40 ซม. ออกดอกเป็นกลุ่มแล้วทยอยกันบาน ดอกสีแสดปนเหลือง กลีบดอกค้อนข้างเล็กและยาว ปลายกลีบมน เกสรยาวลงสู่พื้นดิน ส่วนปลายเกสรงอนขึ้นเล็กน้อย ช่อดอกหนึ่งๆ มีดอกประมาณ 3–7 ดอก ขึ้นกับความสมบูรณ์ของต้น

การปลูก

ว่านมหาลาภเจริญงอกงามได้ดีในดินร่วนปนทราย และผสมดินลูกรังสีแดงด้วย ควรให้มีการระบายน้ำที่ดี เพราะหากน้ำขังจะทำให้หัวว่านเน่าได้ หากปลูกในกระถางปากกว้างจะเหมาะมาก เพราะใบจะปกคลุมปากกระถางดูสวยงาม เป็นไม้ที่ไม่ชอบแดดจัดนักจึงควรจัดให้ได้รับแสงปานกลาง รดน้ำแต่ตอนเช้า

การขยายพันธุ์

โดยการแยกต้น

ความเป็นมงคล

ว่านมหาลาภมีคุณประโยชน์ด้านเมตตามหานิยม ปลูกไว้ย่อมเกิดลาภผลทวีคูณหลายประการ มักปลูกเป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากเจริญงอกงาม ออกดอกดกดี ผู้ปลูกมักจะได้ลาภจากการเสี่ยงโชคเสมอ ในทางกลับกันหากว่าต้นอับเฉาไม่ออกดอกเป็นลางบอกเหตุว่าจะอับโชค เสียทรัพย์ เชื่อกันว่าการปลูกว่านมหาลาภควรปลูกในวันศุกร์ข้างขึ้นจะดีที่สุด
ว่านมหาลาภ

การจัดสวนถาด



น้ำตกแบบย่อทิวทัศน์ธรรมชาติเป็นน้ำตกขนาดเล็กในสวนถาด เป็นน้ำตกที่ย่อสวนโดยการเลียนแบบมาจากน้ำตกธรรมชาติ โดยการวางหินทำทางน้ำตกและปูต้นไม้ให้กลมกลืนกันมากที่สุด เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ขั้นตอนการจัดทำ
1. เขียนแปลนโดยประมาณ
สวนถาดน้ำตกแบบย่อทิวทัศน์ธรรมชาติ ควรจะเขียนแปลนโดยประมาณ โดยเขียนขึ้นตามจินตนาการของตนเอง จะทำให้รู้ว่าสวนถาดแบบย่อทิวทัศน์ธรรมชาติที่จัด จะทีรูปร่างทรวดทรงหน้าตาเป็นอย่างไร จะใช้ต้นไม้และหินรูปทรงอย่างไร จะได้เตรียมต้นไม้และหินที่จะใช้เป็นองค์ประกอบหลักไว้ล่วงหน้า
2. เตรียมเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์
เครื่องมือที่ใช้เหมือนกับการจัดสวนถาดชื้นแบบ 3 กลุ่ม วัสดุอุปกรณ์ได้แก่ หินที่ใช้ทำสวนน้ำตก ปั้มน้ำขนาดเล็กใช้สูบน้ำให้น้ำหมุนเวียน กาวแท่งใช้ต่อเชื่อมหิน ตาข่ายลวดใช้ทำโครงร่างน้ำตก ปูนซีเมนต์ สีฝุ่น มอสส์และต้นไม้ต่าง ๆ
3. การเตรียมดิน
ดินที่ใช้เป็นดินผสมสำหรับการใช้จัดสวนถาดแบชื้นทั่ว ๆ ไปหรือเป็นดินสำหรับการปลูกไม้ดอกไม้ประดับทั่ว ๆ ไปก็ได้
4. ดำเนินการจัดทำ
เมื่อได้เขียนแปลนโดยประมาณเสร็จแล้ว และได้จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ไว้พร้อมแล้ว จึงเริ่มดำเนินการจัดทำตามลำดับดังนี้
4.1 พิจารณาขนาดและวัสดุอุปกรณ์หลักกับขนาดของถาดขนาดของวัสดุอุปกรณ์หลักที่สำคัญ ได้แก่ หิน โครงน้ำตก ธารน้ำ สระน้ำและขนาดของต้นไม้หลักที่ใช้เป็นโครงหลักของสวน
4.2 พิจารณาขนาดของหินแต่ละก้อน โครงน้ำตก ธารน้ำสระน้ำและขนาดของต้นไม้หลัก เลือกใช้เฉพาะที่ขนาดได้สัดส่วนกัน
4.3 พิจารณารูปทรงของหินแต่ละก้อน เลือกรูปทรงที่จะนำมาใช้ให้มีความกลมกลืนกัน
4.4 พิจารณาสีสันขององค์ประกอบทั้งหมดให้มีความกลมกลืนกัน
4.5 ทำโครงร่างของสวน
- เตรียมกระถางโดยใช้เศษกระถางแตกปิดรูกระถางใส่ดินผสมที่เปียกชื้นลงในกระถาง กดดินให้แน่นพอประมาณและปาดให้ผิวทรายเสมอระดับขอบถาด
- กำหนดมุมมอง ให้มุมมองที่สำคัญอยู่หน้าถาด
- กำหนดตำแหน่งของสระน้ำ โดยวางตำแหน่งของสระน้ำตรงกลางของถาด พร้อมติดตั้งไดโว่ที่ใช้สูบน้ำทำให้ระบบน้ำตกทำงาน
- กำหนดตำแหน่งของจุดเด่น โดยใช้น้ำตกเป็นจุดเด่น ซึ่งทำได้โดยการวางหิน ก้อนที่เป็นธารของน้ำตก หรือเป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตก ซึ่งน้ำตกจะตกลงในสระน้ำจากนั้นวางหินก้อนที่ 2 โดยวางทับก้อนที่ 1 เพื่อให้น้ำตกจากหินก้อนที่ 2 ตกลงบนหินก้อนที่ 1 เพื่อทำเป็นน้ำตกชั้นที่ 2 วางหินก้อนที่ 3 โดยวางทับบนหินก้อนที่ 2 ซึ่งน้ำจะไหลออกมาจากโพรงของหินก้อนที่ 3 เป็นจุดเริ่มต้นของน้ำตก
4.6 ทำโครงสวน โดยการจัดวางตำแหน่งเป็นองค์ประกอบหลักของจุดเด่นละจุดสมดุลทั้ง 2ให้อยู่ในตำแหน่งที่แน่นอนและจัดทำเนินสวน ให้ได้รูปทรงที่แน่นอนโดยไม่เปลี่ยนอีก จากนั้นแต่งผิวดินให้เรียบและกดดินแน่นพอสมควร
4.7 ปลูกไม้ประดับ ไม้ประดับหรือไม้แฟนซีที่ใช้ปลูกตกแต่งบริเวณของจุดเด่นกับจุดสมดุลทั้ง 2 ให้สวยงามและสมบูรณ์ สังเกตจากภาพ
ภาพ การปลูกไม้ประดับตกแต่งให้สมบูรณ


4.8 แต่งผิวสวนและโรยเส้นขอบสวน เมื่อปลูกไม้ประดับตกแต่งให้สวนสวยงามสมบูรณ์ดีแล้ว จากนั้นจึงฉีดพ่นน้ำทำความสะอาดทั่วบริเวณ เสร็จแล้วใช้มอสส์ปูผิวสวนและใช้กรวด หรือทรายโรยเส้นขอบสวนวิธีการปูมอสส์และโรยเส้นขอบสวน ปฏิบัติเช่นเดียวกับการจัดสวนชื้น


http://www.paktho.ac.th/student/m62549/siriwan/garden12.html

จัดสวนด้วยตนเอง

    
สำหรับคนที่รักธรรมชาติพอถึงวันหยุดก็คงไม่พ้นชักชวนครอบครัว คนรักจัดกระเป๋าเดินทางหนี้ความวุ่นวาย เพื่อไปพักผ่อนชมความงามของธรรมชาติ แมกไม้ หรือ ทำกิจกรรมครอบครัว ทำอาหารชักชวนเพื่อนฝูงร่วมรับประทาน ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงการจัดสวนภายในบ้านก็เป็นหนึ่งกิจกรรม ที่ทำให้เกิดความผ่อนคลายและยังเกิดความงามในบ้าน เป็นที่ชื่นชมแก่ผู้พบเห็น
สำหรับผู้เข้าชมเวปนี้ คงจะได้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการจัดสวนไปบ้างแล้ว อาจจะต้องการจัดสวนเองที่บ้านให้เกิดความสวยงาม แต่ติดปัญหาหลายประการเหลือเกิน เช่นปลูกไม่เป็น ไม่รูจักต้นไม้ ไม่มีความคิดศิลปะ โนไอเดีย และอีกหลายๆความคิดที่เป็นอุปสรรค ทำให้คุณไม่กล้าลอง

ลืมปัญหาเหล่านั้นไปเลยครับ
แค่คุณคิดอยากจะจัดสวนในบ้านของคุณเองก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นที่ต้องเพิ่มเติมก็คงต้องเป็นนักวาดภาพ จินตนาการสวนของคุณเองว่าจะให้ออกมารูปแบบไหน ชอบสวนสไตล์สวนป่า สวนน้ำ หรือสวนกระถาง ก็ลองเลือกดูจากรูปแบบที่ชื่นชอบตามนิตยสารหรือภาพถ่ายจากสถานที่ต่างๆ ทีนี้เรามาลองจัดสวนกันนะคะ

สมมุติว่าหน้าบ้านของคุณ มีพื้นที่ในการจัดสวน 3x4 เมตร เป็นพื้นที่ว่างต้องการจัดสวนหย่อม ให้คุณลองนั่งในห้องรับแขกด้านใน เพื่อหามุมมองในการออกแบบจัดสวน เช่นส่วนของห้องรับแขกที่มีช่องหน้าต่าง/ประตูมองผ่านออกไปยังสวนอยากจะเห็นสวนดอกไม้ น้ำตก มุมนั่งเล่น เป็นต้น กำหนดและแบ่งสัดส่วนของพื้นที่ตามองค์ประกอบในการจัดสวน ให้คุณกำหนดสิ่งที่ต้องการเช่น

-ควรจะมีไม้ประธานขนาดกลาง-ใหญ่ ตามความเหมาะสมกับขนาดของพื้นที่
-ไม้รองที่มีขนาดลดหลั่น จะเป็นประเภทไม้ทรงพุ่ม
-ไม้ทรงพุ่มขนาดเล็กและไม้คลุมดิน ด้านหน้า
องค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำให้สวนเพิ่มสีสัน ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เช่น หินประดับ กรวด โอ่งดินเผา ตุ๊กตาเซรามิค บ่อน้ำ (ปัจจุบันมีบ่อสำเร็จรูปให้เลือกหลายรูปทรง) ชุดเก้าอี้สนามสำหรับนั่งพักผ่อน
เมื่อคุณกำหนดสิ่งที่ต้องการแล้ว ลองสเก็ตภาพ จัดวางตำแหน่งต่างๆในสวน เพราะถ้าแบบที่คุณวาดอาจยังไม่พอใจ คุณสามารถลบ และจัดใหม่ได้บนกระดาษ เพราะการจัดจริงสิ่งต่างๆ มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก จะทำให้คุณเหนื่อยล้าในการจัดสวน อาจจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน
1. ส่วนของการจัดสวน
2.ส่วนพักผ่อน(ชุดสนาม) กำหนดจุด ตำแหน่งไม้ประธาน อยู่ด้านหลัง หรือมุมใด มุมหนึ่งตามต้องการ ตามด้วยไม้รอง และไม้คลุมดินตามลำดับ ประดับด้านหน้าด้วยหิน หรือโอ่งใส่บัวในมุมเด่น ปิดบังส่วนที่เป็นพื้นด้วยกรวดสีสวย ตามด้วยชุดสนาม แต่อย่าลืมสิ่งที่ผมกล่าวขั้นต้น “มุมมอง” เป็นสิ่งที่สำคัญในการจัด ดูสัดส่วน ความสมดุล ขาดเหลือสิ่งใดให้ลองเพิ่มเติมตามความเหมาะสม หรือมุมชุดสนามอาจจะหาไม้กระถาง รูปทรงสวยงาม มาเพิ่มให้เกิดความเข็มข้น และสะดวกต่อการโยกย้ายเปลี่ยนแปลง
เป็นอย่างไรกันบ้าง ไม่น่ายากใช่มั๊ยครับ ลองจัดกันดูนะครับ ได้สวนสวยๆ แล้วอย่าลืมถ่ายรูปส่งมาให้ดูบ้าง ผมจะนำขึ้นเวบแบ่งเพื่อนๆชาวสวนได้ชื่นชม ให้อิจฉากันบ้าง เล็กๆ สุดท้ายผมมีภาคปฏิบัติให้จัดเตรียมความพร้อมกันคะ
   
1. จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำสวน เช่น จอบ เสียม พลั่ว ลองเดินดูตามร้านขายอุปกรณ์สวน เลือกเอาตามที่ถนัด
2. ตรวจสภาพดินว่ามีสภาพเป็นอย่างไร เป็นดินปนทราย หรือดินร่วน ฯ สภาพแสงแดด เพื่อประกอบกับการเลือกซื้อต้นไม้ เพราะต้นไม้แต่ละ ชนิดเจริญเติบโตได้ดีในดินและสภาพแสงแดดที่ต่างกัน ถ้ามีทรายมากก็หาดินมาผสมก็ได้ ดินสำเร็จรูปเป็นถุงก็สะดวกหน่อย
3. ออกสำรวจพรรณไม้ ที่จะนำมาจัด หรือหาความรู้เรื่องต้นไม้ด้วยการสอบถามเจ้าของร้าน หรือจากนิตยสารเกี่ยวกับพรรณไม้ ได้ตามร้าน หนังสือทั่วไปครับ
4. เลือกซื้อต้นไม้และองค์ประกอบตามที่กำหนด สอบถามเปรียบเทียบราคา แหล่งที่ซื้อ เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร(วันพุธ,พฤหัสบดี), แถวกรม ทหารราบที่11, บางบัวทอง (บางใหญ่)
5. สำหรับต้นไม้ที่ซื้อมาใหม่ และนำลงปลูกระยะแรก ควรดูแลรดน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จนกว่าต้นไม้จะปรับสภาพและแข็งแรงขึ้น

ตัวอย่างสวน

ปฏิทินอ้อม