ประวัติการจัดสวน

ปัจจุบันสวนมีรูปแบบหลากหลายและมีความสวยงามต่างๆกันไปให้เราเลือกชื่นชมได้ตามรสนิยม แต่เบื้องหลังภาพสวนสวยๆที่เห็น หลายคนอาจจะเคยนึกสงสัยอยู่บ้างว่าสวนเหล่านี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

รูปแบบของสวนที่มีมาในประวัติศาสตร์โลกแยกการศึกษาออกได้สองส่วนใหญ่ๆ คือ สวนแบบตะวันตก และสวนแบบตะวันออกความแตกต่างของการไล่เรียงรูปแบบสวนจากสองซีกโลกนี้ก็คือ สวนแบบตะวันตกจะมีความต่อเนื่องเรียงกันมาตามยุคสมัยและเหตุการณ์แวดล้อมทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงจะเชื่อมโยงถึงกันเกือบทุกประเทศ เนื่องจากประเทศทางตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและเทคโนโลยีกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนสวนของประเทศทางตะวันออกจะมีความแตกต่างแยกกันไปตามพื้นฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกัน การเชื่อมโยงถ่ายทอดแนวคิดให้กันและกัน
ก็มีบ้างแต่ไม่ได้กระจายทั่วถึงกันหมด อย่างไรก็ดีแนวคิดและรูปแบบสวนจากทั้งทางตะวันตกและตะวันออกต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกันอยู่เสมอยากที่จะแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด

พวกเราชาวภูมิทัศน์

เธ›เธฃเธฐเธงเธฑเธ•เธดเธเธฒเธฃเธˆเธฑเธ”เธชเธงเธ™ (History of Landscaping)

อ้อมกะเพื่อน สาขานวัตกรรมภูมิทัศน์

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

สวนอังกฤษ

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในอังกฤษเกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสวนเป็นอย่างมาก    เชื่อกันว่าเป็นผลมาจากการออกล่าอาณานิคมและทำการค้ากับประเทศทางตะวันออกโดยเฉพาะจีน    การจำลองธรรมชาติเข้ามาไว้ในสวนบวกกับความชอบใช้ชีวิตในชนบทของชาวอังกฤษก่อให้เกิดแนวคิดใหม่ในการออกแบบสวนยุโรป    ลบล้างสวนแบบเป็นทางการที่เน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตและเส้นตรง    มาเป็นการใช้รูปทรงอิสระ และเส้นสายคดโค้งนักออกแบบสวนมีการตีความของลักษณะแบบ "ธรรมชาติ"    ไปต่างๆกัน แต่โดยรวมๆจะเน้นการทำสนามหญ้าทำเนิน ปลูกต้นไม้เป็นกลุ่ม และสร้างให้เกิดบรรยากาศแบบโรแมนติค    ชวนฝัน การจัดองค์ประกอบของสวนทำเหมือนกับการวาดภาพทิวทัศน์ หรือที่เรียกว่า "Picturesque    Garden" โดยจะต้องกำหนดจุดที่ตั้งใจให้ชมสวน เช่น บริเวณระเบียง ศาลา หรือจากหน้าต่างห้องใดห้องหนึ่ง    ภาพที่มองจากจุดที่กำหนดจะประกอบด้วยฉากหน้า (Fore Ground) จุดสนใจ (Focal    Point) และฉากหลัง (Back Ground) ตัวจุดสนใจมักเป็นสิ่งก่อสร้างหรืออาคารเล็กๆ รูปแบบขึ้นอยู่กับบรรยากาศของสวนที่ต้องการ เช่น    บรรยากาศแบบอะคาเดียน (เมืองชนบทของกรีกที่ร่ำลือว่างดงาม)จุดสนใจมักจะเป็นศาลา หรืออาคารแบบกรีก    มีการเลี้ยงปศุสัตว์ปล่อยให้เดินไปตามทุ่งเพื่อเน้นความเป็นชนบทหรือถ้าเป็นบรรยากาศแบบแฟนตาซี    ก็จะเห็นการใช้สิ่งก่อสร้างที่ทำเหมือนซากปรักหักพัง หรือบ้านในชนบท หรือแม้กระทั่งสิ่งก่อสร้างของต่างแดน เช่น ปิรามิด เก๋งจีน    ถ้ำหรือกร็อตโตแบบโรมัน เป็นต้น
สวนอังกฤษจัดองค์ประกอบแบบภาพเขียน นิยมบรรยากาศแบบโรแมนติก
หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมประชาธิปไตยในหลายๆประเทศ    ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่สะท้อนออกมาทางรูปแบบสวน    ที่เห็นได้ชัดประการแรกคือเรื่องของพรรณไม้ที่มีการโยกย้ายถิ่นฐานข้ามถิ่นกันอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการผลิตและขายต้นไม้ในระบบอุตสาหกรรมคือผลิตต้นไม้แต่ละชนิดและขนย้ายขายกันทีละมากๆชนิดที่เป็นที่นิยมจะกระจายไปทุกหนแห่ง    และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวัสดุ เช่น การผลิตเหล็กและกระจกที่มีคุณภาพสูงขึ้นสามรถสร้างเรือนกระจกขนาดใหญ่    ทำให้ปลูกพืชที่มาจากภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกันได้
เช่น สามารถปลูกไม้ทะเลทรายในเมืองที่มีอากาศร้อนชื้น    หรือปลูกพืชจากป่าชื้นเขตร้อนในที่ที่มีอากาศหนาวเย็นได้ เป็นต้น

แนวคิดของนักออกแบบสวนก็มีหลากหลายต่างกันไป    บางคนพยายามนำรูปแบบสวนในอดีตกลับมาใช้ใหม่ บางคนพยายามเสนอรูปแบบใหม่ๆ เช่น สวนแบบ "การ์เดนเนส" Gardenesque"    ซึ่งเน้นการแสดงพืชพรรณอันหลากหลายในสวน โดยจัดแสดงพืชแต่ละชนิดให้เห็นอย่างชัดเจน สวนแบบวิคทอเรียน    (Victorian Garden)นำรูปแบบสวนแบบเรอเนสซองส์มาใช้โดยเน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตเป็นแปลงปลูกพืช    แต่เน้นการใช้ไม้ดอกมากกว่าไม้ไม่ผลัดใบส่วนสวนในช่วง อาร์ต แอนด์ คราฟต์ มูฟเม้นต์ (Arts and    Crafts Movement) ซึ่งมีกลุ่มศิลปินแขนงต่างๆออกมาแสดงแนวคิดต่อต้านรูปแบบการผลิตแบบอุตสาหกรรมก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ    เช่น สวนของโมเนต์ที่ เมือง จิแวร์นี (Giverny)
ลักษณะเป็นการปลูกไม้ดอกหลายๆชนิดปะปนกันในแปลง    อยู่กับบ้านพักแบบชนบท ส่วนหนึ่งของสวนโมเนต์ทำเป็นบ่อบัวปลูกไผ่และหลิวริมน้ำซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสวนจีน    สวนแห่งนี้เป็นต้นแบบให้กับรูปเขียนของศิลปินผู้นี้หลายชิ้นทีเดียว



สวนของโมเนต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตัวอย่างสวน

ปฏิทินอ้อม