พัฒนาการของสวนดูเหมือนจะแยกออกจากเรื่องการเมืองการปกครองและวิถีชีวิตของชนชั้นสูงได้ยาก
โดยเฉพาะสวนในฝรั่งเศสซึ่งนำเข้ารูปแบบสวนอิตาลีและนักจัดสวนมาพร้อมๆกับการสมรสของราชวงศ์ฝรั่งเศสกับสมาชิกในตระกูลเมดิชิ สวนในฝรั่งเศสได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆจนถึงจุดพลิกผันที่สำคัญในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ (Louis XIV) เสนาธิการกระทรวงการคลังผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติของพระเจ้าหลุยส์นามว่า "ฟูเกต์" (Fouquet)ผู้มีรสนิยมอันเลิศวิไลได้มอบหมายให้ "เลอ โนตร์" (La Notre) ทำการออกแบบและสร้างสวนให้กับปราสาท "โว เลอ วิ กงต์" (Vaux le Vicomte) ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองปารีส เลอ โนตร์ จัดการแปรสภาพพื้นที่โดยกำหนดให้ตัวอาคารเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของสวนทั้งหมด สร้างแนวแกนสมมาตรจากตัวปราสาทเปิดแนวเส้นสายตาให้คล้ายกับว่าสวนไม่มีที่สิ้นสุด โดยมีรูปสลักขนาดใหญ่เป็นจุดหยุดสายตาในสวนตกแต่งด้วยงานประติมากรรม ไม้ตัดแต่ง สระน้ำ และน้ำพุ อย่างสวยงามสร้างความภาคภูมิใจให้กับฟูเกต์ผู้เป็นเจ้าของสถานที่อย่างมากถึงกับจัดงานฉลองอันหรูเริดเพื่อเปิดปราสาทให้พระเจ้าหลุยส์และแขกผู้มีเกียรติได้เข้าชม หลังงานเลี้ยงไม่นานพระเจ้าหลุยส์ได้สั่งคุมขังฟูเกต์ตลอดชีวิตเนื่องด้วยไม่พอพระทัยในความหรูหราเกินหน้าเกินตา และที่สำคัญทรัพย์สมบัติอันมากมายเหล่านั้นมีแหล่งที่มาที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะนายฟูเกต์เป็นผู้มีหน้าที่ดูแลพระคลังของพระองค์นั่นเอง
โดยเฉพาะสวนในฝรั่งเศสซึ่งนำเข้ารูปแบบสวนอิตาลีและนักจัดสวนมาพร้อมๆกับการสมรสของราชวงศ์ฝรั่งเศสกับสมาชิกในตระกูลเมดิชิ สวนในฝรั่งเศสได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆจนถึงจุดพลิกผันที่สำคัญในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ (Louis XIV) เสนาธิการกระทรวงการคลังผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติของพระเจ้าหลุยส์นามว่า "ฟูเกต์" (Fouquet)ผู้มีรสนิยมอันเลิศวิไลได้มอบหมายให้ "เลอ โนตร์" (La Notre) ทำการออกแบบและสร้างสวนให้กับปราสาท "โว เลอ วิ กงต์" (Vaux le Vicomte) ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองปารีส เลอ โนตร์ จัดการแปรสภาพพื้นที่โดยกำหนดให้ตัวอาคารเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของสวนทั้งหมด สร้างแนวแกนสมมาตรจากตัวปราสาทเปิดแนวเส้นสายตาให้คล้ายกับว่าสวนไม่มีที่สิ้นสุด โดยมีรูปสลักขนาดใหญ่เป็นจุดหยุดสายตาในสวนตกแต่งด้วยงานประติมากรรม ไม้ตัดแต่ง สระน้ำ และน้ำพุ อย่างสวยงามสร้างความภาคภูมิใจให้กับฟูเกต์ผู้เป็นเจ้าของสถานที่อย่างมากถึงกับจัดงานฉลองอันหรูเริดเพื่อเปิดปราสาทให้พระเจ้าหลุยส์และแขกผู้มีเกียรติได้เข้าชม หลังงานเลี้ยงไม่นานพระเจ้าหลุยส์ได้สั่งคุมขังฟูเกต์ตลอดชีวิตเนื่องด้วยไม่พอพระทัยในความหรูหราเกินหน้าเกินตา และที่สำคัญทรัพย์สมบัติอันมากมายเหล่านั้นมีแหล่งที่มาที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะนายฟูเกต์เป็นผู้มีหน้าที่ดูแลพระคลังของพระองค์นั่นเอง
จากปราสาท โว เลอ วิ กงต์ พระเจ้าหลุยส์ได้มอบหมายให้ เลอ โนตร์ มาออกแบบสวนแก่พระองค์ โดยให้ทำการพัฒนา ที่ประทับที่ใช้เมื่อออกล่าสัตว์ในเมือง "แวร์ซาย" ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากปารีส อันเป็นที่มาแห่งสวนและพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป "ชาโต เดอ แวร์ซาย" (Chateau de Versailles) สวนแห่งแวร์ซายกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต้องเดินทางไปเพื่อเข้าชม ณ สถานที่แห่งนี้พระเจ้าหลุยส์กำหนดให้เลอ โนตร์ ออกแบบสวนเพื่อแสดงพระราชานุภาพโดยเชื่อว่าพระองค์เองเป็นสุริยกษัตริย์ (The Sun King)เลอโนตร์ยังคงสร้างแกนหลักพุ่งจากตัวปราสาท เปิดมุมมองสายตาให้ยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด บนแนวแกนวางบ่อน้ำพุโดยมีกลุ่มประติมากรรมรูปสุริยเทพและรถม้าวางต่อเนื่องกับสนามหญ้าขนาดใหญ่ ต่อด้วยคลองยาวไปจนสุดสายตาปลูกต้นไม้เป็นกลุ่มก้อนและควบคุมแนวเพื่อเน้นให้เกิดแกนที่ต้องการอย่างชัดเจน มีการตัดแนวแกนแนวตั้งฉากกับแกนหลักเป็นระยะๆเพื่อนำไปสู่สวนส่วนอื่นๆที่ถูกซ่อนไว้ในกลุ่มต้นไม้ โดยรอบอาคารจัดเป็นสวนแบบทางการและทำปาร์แตร์ ซึ่งก็คือการปลูกต้นไม้และดอกไม้เป็นลวดลายสวยงามคล้ายพรมให้มองเห็นจากบนตึก นำปาล์ม ส้ม และไม้เมืองร้อนมาปลูกนกระถางวางเรียงเป็นแนวตารางประดับบริเวณด้านข้างปราสาท แสดงอำนาจที่สามารถฝืนธรรมชาติได้ ต้นไม้เหล่านี้จะถูกยกเก็บในอาคารช่วงฤดูหนาว
งานประติมากรรมรูปเทพเจ้าและสัตว์ในเทพนิยายซึ่งเต็มไปด้วยการแสดงออกทางอารมณ์ ผนวกกับการสร้างสรรค์น้ำพุกว่า 1400 จุด ทำให้สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศแห่งจินตนาการที่เชื่อมโยงไปถึงสวรรค์ที่ประทับของสุริยเทพ น้ำพุจำนวนมากเหล่านี้มากเสียจนไม่สามารถเปิดได้พร้อมกันทั้งหมดต้องมีผู้ดูแลคอยเปิดปิดสลับสับเปลี่ยนไล่ตามขบวนชมสวนของพระเจ้าหลุยส์ ในกลุ่มต้นไม้ใหญ่มีการตัดทาง (Allee)เป็นแฉกๆ แยกจากจุดต่างๆเชื่อมถึงกันซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสวนฝรั่งเศสเรียกการตัดทาง แบบนี้ว่า "เท้าห่าน" (Goose Foot หรือ Patte d' Oie)
ความกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ที่ถูกบังคับทิศทางและรูปทรง ผนวกกับน้ำพุอันตระการตาที่มีรูปประติมากรรมอันงดงาม สร้างให้สวนแห่งนี้เป็นเครื่องมือแสดงพลังอำนาจทางการปกครองของผู้ทรงพลานุภาพยิ่งใหญ่เหนือใครที่แม้กระทั่งธรรมชาติยังต้องยอมสยบให้ จากความยิ่งใหญ่ดังกล่าวทำให้อิทธิพลของสวนแห่งแวร์ซายแผ่กระจายไปทั่วยุโรป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น