คริสต์ศตวรรษที่ 8 กองทัพมุสลิมได้เข้ายึดครองดินแดนสเปน ด้วยระยะทางที่ไกลจากศูนย์กลางวัฒนธรรมอิสลาม
ผนวกกับสภาพภูมิประเทศของสเปนมีลักษณะเป็นเนินเขาสูงๆต่ำๆต่างจากที่ราบทะเลทราย ชาวมัวร์ (ชาวอาหรับในสเปน)
ได้ก่อตั้งราชวงศ์และสร้างสังคมใหม่ขึ้นบนพื้นฐานที่ผู้มีอำนาจบนดินแดนแถบนี้ในยุคก่อนๆได้ทิ้งไว้ รวมถึงรูปแบบสวนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผนวกกับสภาพภูมิประเทศของสเปนมีลักษณะเป็นเนินเขาสูงๆต่ำๆต่างจากที่ราบทะเลทราย ชาวมัวร์ (ชาวอาหรับในสเปน)
ได้ก่อตั้งราชวงศ์และสร้างสังคมใหม่ขึ้นบนพื้นฐานที่ผู้มีอำนาจบนดินแดนแถบนี้ในยุคก่อนๆได้ทิ้งไว้ รวมถึงรูปแบบสวนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สวนในบ้านแบบโรมันถูกนำมาปรับใช้ คือสร้างให้สวนเป็นจุดสนใจในบ้าน เรียกบริเวณสวนนี้ว่า "ปาติโอ" (Patio)
ซึ่งเป็นเสมือนห้องๆหนึ่งของบ้านเลยทีเดียว บ้านบางหลังอาจจะมีสวนหลายๆห้องเพื่อสร้างบรรยากาศอันหลากหลาย
ให้กับผู้อยู่อาศัย จุดเด่นของสวนสเปนคือ การเชื่อมต่อพื้นที่ภายในอาคารกับพื้นที่สวนภายนอกได้อย่างแนบแน่น
เน้นการใช้น้ำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และการมีชีวิต เลือกใช้พืชพรรณที่มีสีสันและกลิ่นหอมโดยเฉพาะพืชตระกูลส้ม
ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากสวนแห่ง "อัลฮัมบรา" (Alhambra) และ "เจเนอราลิฟ" (Genaralife) สองพระราชวังแห่งเมืองเกรนาดา (Granada)
ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆของรายชื่อสวนที่งดงามและน่ารักที่สุดในโลก สวนจะถูกล้อมอยู่ในคอร์ท (พื้นที่เปิดโล่งในอาคาร) แยกเป็นห้องๆ
โดยจัดให้มีบรรยากาศต่างๆกัน ทำให้สถานที่ทั้งสองแห่งนี้มีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบได้ยาก ในสวนทั้งสองแห่งนี้ผู้ออกแบบยังคง
ให้ความสำคัญกับน้ำเช่นเดียวกับสวนอิสลามแห่งอื่นๆ น้ำถูกนำมาใช้ในหลายรูปแบบทั้งบ่อน้ำนิ่ง คลอง และน้ำพุ เพื่อสร้างบรรยากาศ
ให้แตกต่างกัน ความชุ่มชื้นจากน้ำและเสียงน้ำไหลรินๆ ช่วยให้ความเย็นทั้งทางกายภาพและทางจิตใจ เช่น ที่อัลฮัมบรา
สวนใน "คอร์ท ออฟ เดอะ ไลออนส์ " (Court of the Lions) ถูกแบ่งเป็นสี่ส่วนด้วยทางน้ำไหลเล็กๆตามรูปแบบของชาฮา-บัก
ซึ่งทางน้ำนี้ไหลต่อออกมาจากภายในอาคาร ทำให้เกิดความต่อเนื่องระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอก ตรงกลางมีบ่อน้ำพุซึ่งมีสิงโต
รองรับอยู่ที่ฐานอันเป็นที่มาของสวนส่วนนี้
ซึ่งเป็นเสมือนห้องๆหนึ่งของบ้านเลยทีเดียว บ้านบางหลังอาจจะมีสวนหลายๆห้องเพื่อสร้างบรรยากาศอันหลากหลาย
ให้กับผู้อยู่อาศัย จุดเด่นของสวนสเปนคือ การเชื่อมต่อพื้นที่ภายในอาคารกับพื้นที่สวนภายนอกได้อย่างแนบแน่น
เน้นการใช้น้ำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และการมีชีวิต เลือกใช้พืชพรรณที่มีสีสันและกลิ่นหอมโดยเฉพาะพืชตระกูลส้ม
ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากสวนแห่ง "อัลฮัมบรา" (Alhambra) และ "เจเนอราลิฟ" (Genaralife) สองพระราชวังแห่งเมืองเกรนาดา (Granada)
ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆของรายชื่อสวนที่งดงามและน่ารักที่สุดในโลก สวนจะถูกล้อมอยู่ในคอร์ท (พื้นที่เปิดโล่งในอาคาร) แยกเป็นห้องๆ
โดยจัดให้มีบรรยากาศต่างๆกัน ทำให้สถานที่ทั้งสองแห่งนี้มีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบได้ยาก ในสวนทั้งสองแห่งนี้ผู้ออกแบบยังคง
ให้ความสำคัญกับน้ำเช่นเดียวกับสวนอิสลามแห่งอื่นๆ น้ำถูกนำมาใช้ในหลายรูปแบบทั้งบ่อน้ำนิ่ง คลอง และน้ำพุ เพื่อสร้างบรรยากาศ
ให้แตกต่างกัน ความชุ่มชื้นจากน้ำและเสียงน้ำไหลรินๆ ช่วยให้ความเย็นทั้งทางกายภาพและทางจิตใจ เช่น ที่อัลฮัมบรา
สวนใน "คอร์ท ออฟ เดอะ ไลออนส์ " (Court of the Lions) ถูกแบ่งเป็นสี่ส่วนด้วยทางน้ำไหลเล็กๆตามรูปแบบของชาฮา-บัก
ซึ่งทางน้ำนี้ไหลต่อออกมาจากภายในอาคาร ทำให้เกิดความต่อเนื่องระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอก ตรงกลางมีบ่อน้ำพุซึ่งมีสิงโต
รองรับอยู่ที่ฐานอันเป็นที่มาของสวนส่วนนี้
ส่วนที่เจเนอราลีฟ "คอร์ท ออฟ เดอะ คานาล" (Court of the Canal) เป็นพื้นที่เปิดโล่งหลักของสถานที่แห่งนี้
โดยใช้คลองเป็นแกนวางตามความยาวของพื้นที่แทนการใช้คลองแบ่งพื้นที่เป็นสี่ส่วน และใน
"คอร์ท ออฟ เดอะ ไซเปรส" (Court of the Cypress) เปลี่ยนไปใช้คลองรูปตัวยู (U) แล้วปลูกพืชชนิดที่ออกดอกในเดือนมิถุนายน
ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์จะมาพักผ่อน ณ ที่แห่งนี้ ทำให้ได้บรรยากาศที่สวยงาม มีชีวิตชีวา
โดยใช้คลองเป็นแกนวางตามความยาวของพื้นที่แทนการใช้คลองแบ่งพื้นที่เป็นสี่ส่วน และใน
"คอร์ท ออฟ เดอะ ไซเปรส" (Court of the Cypress) เปลี่ยนไปใช้คลองรูปตัวยู (U) แล้วปลูกพืชชนิดที่ออกดอกในเดือนมิถุนายน
ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์จะมาพักผ่อน ณ ที่แห่งนี้ ทำให้ได้บรรยากาศที่สวยงาม มีชีวิตชีวา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น