ประวัติการจัดสวน

ปัจจุบันสวนมีรูปแบบหลากหลายและมีความสวยงามต่างๆกันไปให้เราเลือกชื่นชมได้ตามรสนิยม แต่เบื้องหลังภาพสวนสวยๆที่เห็น หลายคนอาจจะเคยนึกสงสัยอยู่บ้างว่าสวนเหล่านี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

รูปแบบของสวนที่มีมาในประวัติศาสตร์โลกแยกการศึกษาออกได้สองส่วนใหญ่ๆ คือ สวนแบบตะวันตก และสวนแบบตะวันออกความแตกต่างของการไล่เรียงรูปแบบสวนจากสองซีกโลกนี้ก็คือ สวนแบบตะวันตกจะมีความต่อเนื่องเรียงกันมาตามยุคสมัยและเหตุการณ์แวดล้อมทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงจะเชื่อมโยงถึงกันเกือบทุกประเทศ เนื่องจากประเทศทางตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและเทคโนโลยีกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนสวนของประเทศทางตะวันออกจะมีความแตกต่างแยกกันไปตามพื้นฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกัน การเชื่อมโยงถ่ายทอดแนวคิดให้กันและกัน
ก็มีบ้างแต่ไม่ได้กระจายทั่วถึงกันหมด อย่างไรก็ดีแนวคิดและรูปแบบสวนจากทั้งทางตะวันตกและตะวันออกต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกันอยู่เสมอยากที่จะแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด

พวกเราชาวภูมิทัศน์

เธ›เธฃเธฐเธงเธฑเธ•เธดเธเธฒเธฃเธˆเธฑเธ”เธชเธงเธ™ (History of Landscaping)

อ้อมกะเพื่อน สาขานวัตกรรมภูมิทัศน์

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

สวนยุโรปกลาง

เมื่ออาณาจักรโรมันตะวันตกเสื่อมอำนาจลง    เกิดความวุ่นวายไปทั่วยุโรป ศาสนาคริสต์เข้ามามีบทบาทต่อสังคม การเมือง
        และการปกครองเป็นอย่างมาก ผู้คนถูกครอบงำทางความคิด    โดยเฉพาะในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5-10
        ถึงกับถูกขนานนามว่า "ยุคมืด"    ความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวถูกห้ามไม่ให้แสดงออก    ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำเพื่ออุทิศแก่ศาสนา
        วิทยาการของกรีกและโรมันถูกเก็บซ่อนและลืมเลือนไป    ผู้คนอยู่ในภาวะหวาดหวั่นต่อทั้งภัยสงคราม กลุ่มโจร และภัยธรรมชาติ
        ภัยพิบัติต่างๆถูกอธิบายว่าเป็นผลมาจากอำนาจมืดไม่ว่าจะเป็นแม่มด    หมอผี ปีศาจ รวมถึงสัตว์ร้ายนานาชนิด
        ในยุคนี้หลักฐานและข้อมูลเกี่ยวกับสวนไม่ชัดเจนนัก    แต่พอจะทราบได้ว่าสวนในเขตสำนักสงฆ์จะเน้นการปลูกพืชผัก
        สมุนไพรเพื่อใช้บริโภค รักษาโรค และทำน้ำหอมหรือเครื่องสำอาง    เนื่องจากพระจะทำหน้าที่รักษาโรคให้แก่ประชาชนด้วย
        พืชพรรณต่างๆจะถูกปลูกอยู่ในแปลงอย่างเรียบร้อย    ในลักษณะตารางหรืออยู่ในรูปทรงเรขาคณิต
        โดยเฉลี่ยความสูงของสวนจะไม่เกินระดับ 2 ฟุต    ดูแบนราบและไม่มีรายละเอียดมากนัก ในระยะหลังๆจึงเริ่มมีการทำไม้ดัด
        โดยใช้โครงระแนง ที่น่าสังเกตก็คือศิลปะไม้ตัดแต่ง (Topiary)    ที่นิยมในสมัยโรมันได้เลือนหายไป

ในช่วงปลายยุคกลางความเคร่งเครียดในสังคมค่อยๆคลายลง    เริ่มมีสวนที่สร้างขึ้นเพื่อความสำราญของเหล่าชนชั้นสูง
        มีการพัฒนาตำราด้านการเกษตรและการทำสวนขึ้นมาใหม่    ในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด แสดงให้เห็นความอุดมสมบูรณ์
        จากภาพเขียนในยุคนั้นจะเห็นว่าสวนได้กลายเป็นสถานที่เพื่อกิจกรรมนันทนาการ    เช่น เล่นกีฬา พบปะสังสรรค์
        รวมไปถึงการเป็นสถานที่ส่วนตัวสำหรับคู่รักได้พรอดรักกันจนเป็นที่มาของคำว่า    "สวนแห่งความรัก" (Jardin de l' Amour)
        อย่างไรก็ดีสวนก็ยังคงถูกปิดล้อมด้วยรั้วสูง    ตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่อความรู้สึกปลอดภัย การเลือกใช้ต้นไม้ดอกไม้มีการสื่อความหมาย
        เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา เช่น    ดอกกุหลาบถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของพระแม่มารี เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นอิทธิพล
        ของศาสนาที่ยังคงมีอยู่ในสังคม
สวนแห่งความรัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ตัวอย่างสวน

ปฏิทินอ้อม