ทางสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา เมื่อประชาธิปไตยและการพัฒนาทางอุตสาหกรรมได้กลายเป็นพื้นฐานใหม่ในสังคมสิ่งที่ตามมาก็คือสวนสาธารณะ ในยุคแรกเกิดจากการที่ชนชั้นสูงในยุโรปถูกกดดันจากชนชั้นแรงงานจนต้องสละสวนส่วนตัวให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับลดความตึงเครียดในสังคมเมืองที่แออัด ต่อมาได้มีการกำหนดให้สวนสาธารณะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ
ของเมือง และมีการออกแบบให้เหมาะกับการใช้สอย อย่างไรก็ดีสวนในยุคแรกยังคงยึดรูปแบบสวนอังกฤษที่พยายามเลียนแบบธรรมชาติและสร้างบรรยากาสโรแมนติก ในปี 1860 มหานครนิวยอร์คได้จัดสร้างสวนสาธารณะขนาดใหญ่ขึ้น ผู้ชนะการประกวดแบบได้แก่ นายเฟรเดอริค ลอว์ โอล์มสเต็ด (Frederic Law Olmsted)โดยพยายามผสานรูปแบบสวนอังกฤษกับการกำหนดพื้นที่ใช้งานสำหรับผู้เข้ามาใช้สวนกลุ่มต่างๆ แทนที่สวนแบบเดิมที่เน้นแต่การปลูกต้นไม้และเว้นที่ว่างทำสนามหญ้า เช่น การออกแบบสนามเด็กเล่น จัดทางเดินสำหรับจ็อกกิ้ง แยกต่างหากจากทางรถวิ่ง เป็นต้น หลังจากสวนสาธารณะแห่งนี้ประสบความสำเร็จเมืองต่างๆทั่วโลกก็ให้ความสำคัญกับสวนสาธารณะมากขึ้น
ประวัติการจัดสวน
ปัจจุบันสวนมีรูปแบบหลากหลายและมีความสวยงามต่างๆกันไปให้เราเลือกชื่นชมได้ตามรสนิยม แต่เบื้องหลังภาพสวนสวยๆที่เห็น หลายคนอาจจะเคยนึกสงสัยอยู่บ้างว่าสวนเหล่านี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร
รูปแบบของสวนที่มีมาในประวัติศาสตร์โลกแยกการศึกษาออกได้สองส่วนใหญ่ๆ คือ สวนแบบตะวันตก และสวนแบบตะวันออกความแตกต่างของการไล่เรียงรูปแบบสวนจากสองซีกโลกนี้ก็คือ สวนแบบตะวันตกจะมีความต่อเนื่องเรียงกันมาตามยุคสมัยและเหตุการณ์แวดล้อมทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงจะเชื่อมโยงถึงกันเกือบทุกประเทศ เนื่องจากประเทศทางตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและเทคโนโลยีกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนสวนของประเทศทางตะวันออกจะมีความแตกต่างแยกกันไปตามพื้นฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกัน การเชื่อมโยงถ่ายทอดแนวคิดให้กันและกันก็มีบ้างแต่ไม่ได้กระจายทั่วถึงกันหมด อย่างไรก็ดีแนวคิดและรูปแบบสวนจากทั้งทางตะวันตกและตะวันออกต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกันอยู่เสมอยากที่จะแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด
รูปแบบของสวนที่มีมาในประวัติศาสตร์โลกแยกการศึกษาออกได้สองส่วนใหญ่ๆ คือ สวนแบบตะวันตก และสวนแบบตะวันออกความแตกต่างของการไล่เรียงรูปแบบสวนจากสองซีกโลกนี้ก็คือ สวนแบบตะวันตกจะมีความต่อเนื่องเรียงกันมาตามยุคสมัยและเหตุการณ์แวดล้อมทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงจะเชื่อมโยงถึงกันเกือบทุกประเทศ เนื่องจากประเทศทางตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและเทคโนโลยีกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนสวนของประเทศทางตะวันออกจะมีความแตกต่างแยกกันไปตามพื้นฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกัน การเชื่อมโยงถ่ายทอดแนวคิดให้กันและกันก็มีบ้างแต่ไม่ได้กระจายทั่วถึงกันหมด อย่างไรก็ดีแนวคิดและรูปแบบสวนจากทั้งทางตะวันตกและตะวันออกต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกันอยู่เสมอยากที่จะแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด
พวกเราชาวภูมิทัศน์
อ้อมกะเพื่อน สาขานวัตกรรมภูมิทัศน์
วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น